004.วางแผนเกษียณกันตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว-ไม่ถือว่าเร็วไปอย่างแน่นอน

วางแผนเกษียณ ตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว

ลดหย่อนภาษี2567 -TAX2025
004.วางแผนเกษียณกันตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว-ไม่ถือว่าเร็วไปอย่างแน่นอน

วางแผนเกษียณกันตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว ไม่ถือว่าเร็วไปอย่างแน่นอน

คนทำงานทั้งหลาย โปรดจำไว้ว่า “การทำงาน” กับ “การวางแผนการเงิน” เป็นหน้าที่ที่คนทำงานทุกคนต้องทำให้ดีที่สุดทั้งสองด้าน เพราะโดยปกติแล้วเมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน “การทำงานหาเงิน” กับ “การใช้เงินที่หามา” เป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่เป็นกิจวัตร จนอาจละเลยการวางแผนการเงินตั้งแต่วันแรกของการทำงานไปอย่างน่าเสียดาย ยิ่งมีสิ่งล่อใจ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์ไอที ร้านอาหารดี ๆ สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์ บ้านที่อยู่อาศัย ประกอบกับความชะล่าใจว่าเรายังหนุ่มสาว สุขภาพแข็งแรง มีพละกำลังในการทำงาน เหลือระยะเวลาในการทำงานอีกยาวนาน ก็ยิ่งทำให้การวางแผนเกษียณดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวที่ยังไม่ต้องคิดถึงให้หนักสมองแต่อย่างใด

คนทำงานยุคใหม่ต้องปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ด้วยการวางแผนการเงิน และวางแผนเกษียณกันตั้งแต่เดี๋ยวนี้ Right here Right now ตั้งแต่อยู่ในวัยที่ยังเป็นหนุ่มสาวกันนี่แหละ จะได้ใช้ชีวิตบนเส้นทางแห่งความไม่ประมาท มีแผนสำรองที่รอบคอบ และรับประกันความเสี่ยงทุกอย่างที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

คนทำงานควรวางแผนเกษียณเมื่อใด

หากเราเป็นน้องใหม่ในโลกของการทำงาน เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงปี คำถามนี้อาจไม่ได้อยู่ในความคิดของเราเลยแม้แต่น้อย จริง ๆ แล้ว การวางเป้าหมายชีวิตวัยเกษียณอย่างคร่าว ๆ ควรเริ่มต้นคิดได้ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ เพื่อให้ตัวเรามีเป้าหมายในการวางแผนชีวิต แล้วดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป้าหมายการเกษียณของแต่ละคนก็อาจไม่เท่ากัน บางคนตั้งไว้ที่อายุ 45 ปี 50 ปี 55 ปี หรือ 60 ปี ให้ตั้งตัวเลขในใจขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าเราจะมีเวลาเตรียมตัว เตรียมการอีกนานเท่าไหร่ และต้องเตรียมเงินไว้ใช้ยามเกษียณมากน้อยเพียงไหน

How to คำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ

การคำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เราต้องตั้งไว้ เพื่อจะได้ทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้ต่อไป ก่อนอื่นต้องรู้ใจตัวเองก่อนว่า อยากจะใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบไหน เน้นสายเที่ยว สายพักผ่อน สายชิล ๆ เข้าวัดเข้าวา กลับสู่ความเรียบง่าย หรือสายเน้นธรรมชาติ เพราะจะทำให้รู้ว่าเราจะต้องใช้เงินต่อเดือนเท่าไหร่ โดยคำนวณจาก 2 สิ่งหลัก ๆ ดังนี้

ค่าใช้จ่ายต่อเดือน ให้พิจารณาจากค่าใช้จ่ายต่อเดือนในปัจจุบันของเรา ให้คิดเป็น 70% ของรายได้ปัจจุบัน พร้อมทั้งคำนึงถึงไลฟ์สไตล์หลังเกษียณว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน และต้องไม่ลืมคิดถึงภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่อาจเพิ่มขึ้นตามวันเวลาอีกด้วย


จำนวนปีที่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ ปกติเราจะคิดค่าเฉลี่ยอายุขัยที่ 80 ปี แต่เนื่องด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้าในยุคปัจจุบัน อาจทำให้เรามีอายุยืนขึ้นอีก ดังนั้นให้ตั้งอายุไว้ที่ 90 ปี


ตัวอย่างการคำนวณ : หากเราประมาณการไว้ว่าจะเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี และจะมีอายุขัยถึง 90 ปี แปลว่า เราต้องอยู่ใช้ชีวิตหลังเกษียณเป็นเวลาถึง 30 ปี ตั้งค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณไว้คร่าว ๆ ที่ 30,000 บาท/เดือน คิดเป็น 360,000 บาท/ปี นำจำนวนเงินค่าใช้จ่ายต่อปีมาคูณกับระยะเวลาใช้ชีวิตหลังเกษียณ และแล้วก็ได้เลขที่ออกดังนี้

360,000 x 30 = 10,800,000 บาท

วางแผนการเงิน เพื่อชีวิตเกษียณที่ดีและมีคุณภาพ

จะเห็นได้ว่าหลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณแล้ว เงินที่ต้องเตรียมไว้นั้นเป็นเงินก้อนใหญ่มาก อย่ารอช้ามาดูกันว่าเราจะเก็บเงินเก็บทองทั้งชีวิตอย่างไรให้ได้เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาครอบครองเป็นของเราได้ jobsDB มีข้อมูลดี ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยสำหรับการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

– จัดการหนี้สิน เป็นสิ่งแรกที่เราต้องลงมือ ทำอย่างไรให้หนี้สินต่าง ๆ หมดสิ้นไป ทั้งหนี้สิ้นชนิดไม่จำเป็นและหนี้สินจำเป็นของชีวิต เพราะหากเกษียณไปแล้วยังเป็นหนี้อยู่ต่อไปคงไม่ดีแน่ อย่าลืมว่าหลังเกษียณแล้วเราจะไม่มีรายได้อีกแล้ว การจ่ายหนี้จึงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับวัยเกษียณอย่างแน่นอน

– จัดหาที่อยู่อาศัย เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญของชีวิตที่ทุกคนควรเตรียมไว้ก่อนเกษียณ เพราะที่อยู่อาศัยนับเป็นหนี้สินก้อนใหญ่ที่ควรวางแผนการผ่อนชำระให้ดี ทำอย่างไรให้ปลอดหนี้ก่อนเราเกษียณ การมีที่อยู่อาศัยในบั้นปลายในชีวิตนั้นเป็นทั้งความมั่นคงและความอุ่นใจให้สามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวัล

– จัดหาแผนประกันสุขภาพดี ๆ ยิ่งทำตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งสบาย ๆ ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ หาประกันสุขภาพที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา ครอบคลุมความเสี่ยงทุกโรคร้าย ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขให้ถี่ถ้วน เพื่อให้เรามีแหล่งเงินในการรักษาสุขภาพยามเกษียณ ไม่ต้องเครียดทุกครั้งที่เจ็บป่วยอีกต่อไป

– จัดการแผนการออมในปัจจุบัน ประมาณการค่าใช้จ่ายหลังเกษียณกันไปแล้ว ก็ต้องมาดูรายได้หลังเกษียณประกอบกันไปด้วย ว่ารายรับของเราจะมาจากทางไหนได้อีก เช่น เงินบำเหน็จบำนาญ เงินกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รายได้จากการลงทุน การประกันชีวิต ฯลฯ จะได้รู้ว่าเราต้องเก็บเงินเพิ่มอีกเท่าไร และสามารถวางแผนการออมตลอดจนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม เริ่มต้นง่าย ๆ จากการเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงในปัจจุบัน ให้แบ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ใช้เก็บเพื่อเกษียณอายุ รวมถึงแบ่งเงินอีกจำนวนหนึ่งไว้ใช้ลงทุนหรือเข้ากองทุนเพื่อการออมต่าง ๆ เมื่อได้เงินเก็บสักก้อนหนึ่งก็นำเงินนั้นไปลงทุนในด้านอื่น ๆ อีกต่อไป เพื่อให้มีผลกำไรจากการลงทุนเป็นรายได้อีกทาง พึงระลึกไว้ว่าเงินที่ใช้จ่ายหลังเกษียณนั้นควรเป็นดอกผลของเงินลงทุนมากกว่าการใช้เงินออมให้หมดไปเรื่อย ๆ รับรองว่าอุ่นใจกว่าอย่างแน่นอน

เห็นกันแล้วใช่ไหมว่า หากเราอยากมีชีวิตหลังเกษียณอายุการทำงานที่ดีและมีคุณภาพ ต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 10 ล้านบาทขึ้นไป เรียกได้ว่าเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตที่จะต้องใช้เวลาเก็บออมและลงทุนให้งอกเงยนานมาก จึงกลับมาตอบโจทย์ที่ว่าคนทำงานวัยหนุ่มสาวต้องวางแผนเก็บเงินยามเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยให้ภาระในการเก็บเงินน้อยลง และเก็บเงินได้แบบสบาย ๆ มากขึ้น จำไว้ว่าหากในช่วงบั้นปลาย เราได้ใช้ชีวิตตามที่เราต้องการ โดยมีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ต้องพึ่งพาใคร ก็คงจะเป็นชีวิตที่ใคร ๆ ต่างก็พึงปรารถนาอย่างแน่นอน

แหล่งข้อมูล : moneyhub.in.th, moneyguru.co.th, maoinvestor.com

ตัวแทน_หนิง นันทภัค อาคเนย์

เงินท่านจะปลอดภัย หากมีตัวแทนที่ไว้ใจอย่างเราคอยดูแล

ทำกับเรามีตัวตนชัดเจนเชื่อถือได้แน่นอน !!!
นันทภัค อุระนันท์ 
เลขที่ใบอนุญาต 6501012608

โทร. : 081-926-1961 (หนิง)

Line : @lifeplanneragent

คลิกแอดไลน์สอบถามเพิ่มเติมได้เลยจ้า

lifeplanagent.in.th เป็นเว็บไซด์ของตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อาคเนย์ ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ สำหรับรายละเอียดและสาระสำคัญต้องยึดถึอตามเอกสารของบริษัท และข้อมูลตามกรมธรรม์เท่านั้น

003.ฮีทสโตรก-อันตรายช่วงหน้าร้อน

ฮีทสโตรก อันตรายช่วงหน้าร้อน

ลดหย่อนภาษี2567 -TAX2025
003.ฮีทสโตรก-อันตรายช่วงหน้าร้อน

“ฮีทสโตรก” อันตรายช่วงหน้าร้อน

จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทยในช่วงนี้ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาโดยเฉพาะโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดด ซึ่งโรคนี้เกิดได้ทุกเพศทุกวัย และมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลย

อาการของโรคฮีทสโตรก

นพ.พินิจ ฟ้าอำนวยผล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ อธิบายว่า โรคฮีทสโตรกเป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส สำหรับอาการที่เบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หน้ามืด ระยะถัดมาอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รูขุมขนจะปิดจนไม่สามารถระบายเหงื่อได้ บางรายอาจถึงขั้นชักกระตุกและหมดสติ มีไข้สูง ตัวร้อนมาก ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและระบบสมอง ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นและถึงแก่ชีวิตได้

สัญญาณสำคัญของโรคฮีทสโตรก

สัญญาณสำคัญของโรคฮีทสโตรกคือ ไม่มีเหงื่อออก แม้จะอากาศร้อน ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน ซึ่งต่างจากการเพลียจากแดดทั่วๆ ไป ที่จะพบว่ามีเหงื่อออกด้วย หากเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักทันที

ผู้ที่มีความเสี่ยงจะเกิดโรคฮีทสโตรก

นพ.พินิจ บอกว่า บุคคลที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดโรคฮีทสโตรก ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ที่อดนอน ผู้ที่ดื่มเหล้าจัด ผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงนักกีฬา และทหารที่เข้ารับการฝึก โดยไม่มีการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมที่จะเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

เมื่อเจอผู้ประสบเหตุเป็นลมกลางแดด ควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดย การนำตัวเข้ามาในที่ร่ม จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง คลายเสื้อผ้าให้หลวม แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวและศรีษะ ร่วมกับการใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดยเร็วที่สุด หากยังไม่ฟื้น ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

วิธีการป้องกันโรคลมแดด

นพ.พินิจ บอกว่า หากเริ่มรู้สึกร้อนมากๆ เนื่องจากทำกิจกรรมหรือทำงานกลางแจ้งนานๆ ให้เลี่ยงออกจากพื้นที่ โดยต้องพักจากกิจกรรมนั้น เพื่อทำให้ร่างกายเย็นลง ด้วยการเปิดพัดลม ดื่มน้ำเย็น ใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้า เช็ดตัว เพื่อเป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกาย ที่สำคัญควรจิบน้ำบ่อยๆ แม้ไม่รู้สึกกระหายก็ตาม นอกจากนี้ ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา และสามารถระบายความร้อนได้ดี ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ส่วนเด็กเล็กและคนชราควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ควรจัดให้อยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทได้ดี

Cr. : นายฉัตร์ชัย นกดี Team Content www.thaihealth.or.th

ตัวแทน_หนิง นันทภัค อาคเนย์

เงินท่านจะปลอดภัย หากมีตัวแทนที่ไว้ใจอย่างเราคอยดูแล

ทำกับเรามีตัวตนชัดเจนเชื่อถือได้แน่นอน !!!
นันทภัค อุระนันท์ 
เลขที่ใบอนุญาต 6501012608

โทร. : 081-926-1961 (หนิง)

Line : @lifeplanneragent

คลิกแอดไลน์สอบถามเพิ่มเติมได้เลยจ้า

ตัวแทน_หนิง อาคเนย์

เงินท่านจะปลอดภัย หากมีตัวแทนที่ไว้ใจอย่างเราคอยดูแล

ทำกับเรามีตัวตนชัดเจนเชื่อถือได้แน่นอน !!!
ภัทราภรณ์ อุระนันท์ 
เลขที่ใบอนุญาต 6501012608

โทร. : 081-926-1961 (หนิง)

Line : @lifeplanneragent

คลิกแอดไลน์สอบถามเพิ่มเติมได้เลยจ้า

lifeplanagent.in.th เป็นเว็บไซด์ของตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อาคเนย์ ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ สำหรับรายละเอียดและสาระสำคัญต้องยึดถึอตามเอกสารของบริษัท และข้อมูลตามกรมธรรม์เท่านั้น

002.โรคมือเท้าปาก2

โรคมือเท้าปาก

ลดหย่อนภาษี2567 -TAX2025
002.โรคมือเท้าปาก2

โรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก ทำให้มีอาการไข้ เป็นแผลในปาก มีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว จัดเป็นโรคที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย 

 

สาเหตุของโรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส ซึ่งมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคที่พบได้บ่อย เช่น คอกซากีไวรัส เอ16 (coxsackievirus A16) และเอนเทอโรไวรัส 71 (enterovirus 71) กลุ่มเสี่ยงที่พบบ่อยคือ เด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมักมีอาการรุนแรงมากกว่าเด็กโต สำหรับผู้ใหญ่พบโรคนี้ได้บ้าง

 

การติดต่อของโรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปากสามารถติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากจมูก ลำคอ น้ำลาย และน้ำจากตุ่มใส รวมถึงอุจจาระของผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่ และสามารถติดต่อโดยอ้อมจากการสัมผัสของเล่น พื้นผิวสัมผัสที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ อาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ มือของผู้เลี้ยงดู โดยสถานที่ที่มักพบการระบาดของโรค ได้แก่ สถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล และช่วงที่มักมีการระบาดของโรคนี้คือ ช่วงฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว อย่างไรก็ดี โรคนี้ไม่ติดต่อจากคนสู่สัตว์หรือสัตว์สู่คน

ทั้งนี้ โรคนี้สามารถเป็นซ้ำได้อีก เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์หนึ่งๆ อาจไม่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ได้ แม้จะจัดอยู่ในกลุ่มย่อยของเชื้อไวรัสเดียวกัน

 

อาการและภาวะแทรกซ้อนของโรคมือเท้าปาก

อาการเริ่มต้นของโรคมือเท้าปากจะคล้ายไข้หวัด คือ มีตุ่มใส หรือแผลร้อนในเกิดขึ้นหลายแผลในปาก และมีอาการเจ็บ มีผื่นแดงหรือตุ่มใส ขนาดเล็กที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า หรือก้น และมีอาการไข้เป็นระยะเวลา 5-7 วัน

อย่างไรก็ตาม โรคมือเท้าปากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาตกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไปจนถึงเสียชีวิตได้ โดยอาการแทรกซ้อนไม่สัมพันธ์กับจำนวนแผลในปากหรือตุ่มที่พบตามฝ่ามือฝ่าเท้า ในรายที่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงอาจมีแผลไม่กี่จุดในลำคอหรืออาจมีตุ่มเพียงไม่กี่ตุ่มตามฝ่ามือฝ่าเท้าก็ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แม้จะดูว่าผื่นและแผลในปากหายไปแล้วก็ตาม โดยสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เช่น

  • เด็กมีอาการซึมลง ไม่เล่น ไม่อยากรับประทานอาหารหรือนม
  • บ่นปวดศีรษะมาก ปวดทนไม่ไหว
  • มีอาการพูดเพ้อไม่รู้เรื่อง สลับกับการซึมลง หรือเห็นภาพแปลกๆ
  • ปวดต้นคอ คอแข็ง มีการรับรู้สับสน ซึมลง และอาเจียน
  • มีอาการสะดุ้งผวา ตัวสั่นๆ แขนหรือมือสั่นบ้าง
  • มีอาการไอ หายใจเร็ว ดูเหนื่อยๆ หน้าซีด มีเสมหะมาก โดยอาจมีหรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ได้

 

การวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค

แพทย์จะทำการวินิจฉัยแยกโรคตามอาการ โดยผู้ป่วยที่มีผื่นที่มือ อาจต้องแยกออกจากโรคผื่นแพ้ โรคอีสุกอีใส ผื่นจากเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ สำหรับโรคมือเท้าปาก โดยทั่วไปแพทย์สามารถวินิจฉัยได้จากอาการและอาการแสดง แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง แพทย์อาจทำการส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน ซึ่งการตรวจเพิ่มเติมนี้ไม่จำเป็นต้องทำในผู้ป่วยทุกราย ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ได้แก่

  • การส่งตรวจตัวอย่างสิ่งคัดหลั่งและ/หรืออุจจาระเพื่อหาเชื้อไวรัส (ใช้เวลาประมาณ 1-7 วัน ขึ้นกับวิธีการตรวจ)
    • การตรวจหายีนของไวรัสด้วยวิธี polymerase chain reaction (PCR)
    • การเพาะเชื้อไวรัส (virus culture)

 

การรักษาโรคมือเท้าปาก

นื่องจากในปัจจุบันโรคมือเท้าปากยังไม่มีการรักษาโดยเฉพาะ การรักษาจึงเป็นการรักษาอาการทั่วๆ ไปตามแต่อาการของผู้ป่วย เช่น เจ็บคอมาก รับประทานอะไรไม่ได้ ผู้ป่วยดูเพลียจากการขาดอาหารและน้ำ ก็จะให้พยายามป้อนน้ำ นมและอาหารอ่อน ในรายที่เพลียมากอาจให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลและให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ร่วมกับให้ยาลดไข้แก้ปวด และ/หรือหยอดยาชาในปากเพื่อลดอาการเจ็บแผลในปาก ร่วมกับการเฝ้าระวังสังเกตอาการของภาวะแทรกซ้อนทางสมองและหัวใจ เป็นต้น

 

การป้องกันโรคมือเท้าปาก

เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาสุขอนามัยที่ดี โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันโรคมือเท้าปาก รวมถึงป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้โดย

  • หลีกเลี่ยงการให้เด็กคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • รักษาอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะผู้เลี้ยงดูเด็กเล็กควรล้างทำความสะอาดมือก่อนหยิบจับอาหารให้เด็กรับประทาน และรับประทานอาหารที่สุก สะอาด ปรุงใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ดื่มน้ำสะอาด
  • ไม่ใช้ภาชนะในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะช้อน จาน ชาม แก้วน้ำ ขวดนม
  • เมื่อเช็ดน้ำมูกหรือน้ำลายให้เด็กแล้วต้องล้างมือให้สะอาดโดยเร็ว
  • รีบซักผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระให้สะอาดโดยเร็ว และทิ้งน้ำลงในโถส้วม ห้ามทิ้งลงท่อระบายน้ำ
  • หากเด็กมีอาการของโรคมือเท้าปากให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ และเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก ต้องให้เด็กหยุดเรียนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหาย

ในกรณีที่มีการติดเชื้อโรคมือเท้าปากชนิดที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะมีการเสียชีวิต เช่น เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 สถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาลอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการการป้องกันที่เข้มข้นขึ้น เช่น

  • การปิดทั้งโรงเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทำความสะอาดห้องเรียนและของเล่นต่างๆ
  • การคัดแยกเด็กป่วยออกตั้งแต่เดินเข้าที่หน้าประตูโรงเรียน
  • การหมั่นล้างมือ เช็ดถูทำความสะอาดห้องเรียนและของเล่นต่างๆ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับลูกที่สุด จะต้องหมั่นสังเกตอาการ หากลูกมีอาการป่วยที่ผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

(รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมือเท้าปาก: โรคมือปากเท้า…สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้เพื่อลูกรัก ) 

หมายเหตุ: ปรับปรุงข้อมูลชื่อโรค “โรคมือเท้าปากเปื่อย” เป็น “โรคมือเท้าปาก” ดังนี้ ประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรตติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง พ.ศ. ๒๕๕๙  ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ ข้อ ๑ (๓๗) โรคมือเท้าปาก (Hand Foot and Mouth disease)

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก :  กระทรวงสาธารณสุข 

ตัวแทน_หนิง นันทภัค อาคเนย์

เงินท่านจะปลอดภัย หากมีตัวแทนที่ไว้ใจอย่างเราคอยดูแล

ทำกับเรามีตัวตนชัดเจนเชื่อถือได้แน่นอน !!!
นันทภัค อุระนันท์ 
เลขที่ใบอนุญาต 6501012608

โทร. : 081-926-1961 (หนิง)

Line : @lifeplanneragent

คลิกแอดไลน์สอบถามเพิ่มเติมได้เลยจ้า

lifeplanagent.in.th เป็นเว็บไซด์ของตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อาคเนย์ ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ สำหรับรายละเอียดและสาระสำคัญต้องยึดถึอตามเอกสารของบริษัท และข้อมูลตามกรมธรรม์เท่านั้น

001.RSV…ไวรัสร้ายที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก1

RSV…ไวรัสร้ายที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก

ลดหย่อนภาษี2567 -TAX2025
001.RSV…ไวรัสร้ายที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก1

RSV…ไวรัสร้ายที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก

ไวรัส RSV
ในช่วงปลายฝนต้นหนาว หนึ่งในโรคที่เป็นปัญหาสำคัญในวัยทารกและเด็กเล็กที่คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ “โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV” ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการคล้ายไข้หวัด แต่อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้

RSV หรือชื่อเต็มๆ ว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก เชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้เนื่องจากมักเกิดพยาธิสภาพในส่วนของหลอดลมเล็ก (bronchiole) และถุงลม (alveoli) ทำให้มีการสร้างสิ่งคัดหลั่ง เช่น เสมหะ ออกมาในปริมาณมาก และมีการหดตัวของหลอดลมเนื่องจากการบวมของเยื่อบุหลอดลมและทางเดินหายใจต่างๆ ส่งผลให้เด็กมีอาการหอบ เหนื่อย และหายใจลำบากได้อย่างรวดเร็ว เชื้อนี้ติดต่อกันได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ 

อาการของโรค RSV

อาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV บางอย่างอาจคล้ายกับอาการไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ (ส่วนใหญ่ไข้ไม่สูงนัก) ไอ จาม แต่ก็มีอาการที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและสงสัยว่าลูกอาจได้รับเชื้อไวรัส RSV เช่น

  • หอบเหนื่อย
  • หายใจเร็ว หายใจแรง
  • หายใจครืดคราด
  • ตัวเขียว
  • มีเสียงหวีดในปอด (จากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
  • มีเสมหะมาก
  • ไอโขลกๆ

แนวทางการรักษา

ในเด็กเล็กที่อ่อนแอมาก เช่น เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคหัวใจ โรคปอด และหอบหืดอยู่แล้ว อาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ หรือหายใจล้มเหลว จนต้องนำเข้าหอพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) และอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจด้วย

การดำเนินโรคจะเป็นอยู่ 5-7 วัน บางรายในช่วง 1-2 วันแรกมีอาการไม่รุนแรง แต่ในช่วงวันที่ 3-5 ของโรคจะมีอาการรุนแรงมากสุด จากนั้นอาการจะทุเลาลง

ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยเฉพาะ โดยทั่วไปการรักษาจะเป็นไปตามอาการที่ป่วย รวมถึงการดูแลเรื่องการหายใจและเสมหะ เช่น ให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาลดไข้ หรือพ่นยา ตามแต่อาการของผู้ป่วย ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้ ในผู้ป่วยที่มีอาการเหนื่อย หายใจไม่ค่อยดี และเริ่มมีออกซิเจนในเลือดต่ำลง การรักษาจะเป็นในรูปแบบประคับประคอง เช่น ให้สารน้ำทางหลอดเลือด ให้ยาพ่นขยายหลอดลม เคาะปอด ดูดเสมหะ รวมถึงให้ออกซิเจน ส่วนในรายที่มีอาการหนักมาก อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยให้การดูแลในหอพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติจนกว่าอาการจะดีขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนด้วยไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่ เชื้อมัยโคพลาสมา หรือเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้การรักษาที่ครอบคลุมการติดเชื้อเหล่านี้ตามความเหมาะสม

เป็นแล้วจะเป็นซ้ำอีกได้หรือไม่
สำหรับเชื้อไวรัส RSV มี 2 กลุ่มย่อย คือกลุ่ม A และ B ซึ่งมีความสัมพันธ์กันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยครั้งแรกไม่สามารถป้องกันได้ แต่ถ้าเป็นซ้ำๆกันอาการจะไม่รุนแรงมากเท่ากับในครั้งแรก  

การป้องกันโรค RSV

สำหรับการป้องกันโรคนี้ นอกเหนือจากการหมั่นล้างมือบ่อยๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกป่วยควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อป้องกันการไอจามแพร่เชื้อให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง ถ้าลูกเริ่มเข้าเนิร์สเซอรีหรือโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกหยุดเรียนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะหายเป็นปกติ อย่างไรก็ดี ในเด็กบางรายถึงแม้จะหายแล้วก็ยังอาจมีอาการไอต่อเนื่องไปเป็นเดือนได้

เรียบเรียงโดย นพ.ประสงค์ พฤกษานานนท์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Cr. www.bumrungrad.com

ตัวแทน_หนิง นันทภัค อาคเนย์

เงินท่านจะปลอดภัย หากมีตัวแทนที่ไว้ใจอย่างเราคอยดูแล

ทำกับเรามีตัวตนชัดเจนเชื่อถือได้แน่นอน !!!
นันทภัค อุระนันท์ 
เลขที่ใบอนุญาต 6501012608

โทร. : 081-926-1961 (หนิง)

Line : @lifeplanneragent

คลิกแอดไลน์สอบถามเพิ่มเติมได้เลยจ้า

lifeplanagent.in.th เป็นเว็บไซด์ของตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อาคเนย์ ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ สำหรับรายละเอียดและสาระสำคัญต้องยึดถึอตามเอกสารของบริษัท และข้อมูลตามกรมธรรม์เท่านั้น

ลดหย่อนภาษี2567 -TAX2025

Promotion Tax Saving 2023

ลดหย่อนภาษี2567 -TAX2025

ตัวแทน_หนิง นันทภัค อาคเนย์

เงินท่านจะปลอดภัย หากมีตัวแทนที่ไว้ใจอย่างเราคอยดูแล

ทำกับเรามีตัวตนชัดเจนเชื่อถือได้แน่นอน !!!
นันทภัค อุระนันท์ 
เลขที่ใบอนุญาต 6501012608

โทร. : 081-926-1961 (หนิง)

Line : @lifeplanneragent

คลิกแอดไลน์สอบถามเพิ่มเติมได้เลยจ้า

lifeplanagent.in.th เป็นเว็บไซด์ของตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อาคเนย์ ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ สำหรับรายละเอียดและสาระสำคัญต้องยึดถึอตามเอกสารของบริษัท และข้อมูลตามกรมธรรม์เท่านั้น